Tips & News » สาระน่ารู้ » สิ่งที่ควรเช็คเมื่อรถวิ่งถึง 100,000 กิโลเมตร

สิ่งที่ควรเช็คเมื่อรถวิ่งถึง 100,000 กิโลเมตร

10 พฤศจิกายน 2018
2491   0

รถยนต์ไม่ว่าจะเป็นรถป้ายแดง หรือ รถมือสอง การที่รถวิ่งมาถึงระยะ 100,000 กิโลเมตรนั้น ก็ควรถึงเวลาที่ต้องตรวจเช็ครถ ซึ่งโดยปกติรถวิ่งถึง แสนโล จะประมาณ 5 ปี ซึ่งก็หมดระยะเวลาประกันศูนย์ วันนี้ Sure2Car จะมาบอกถึงสิ่งที่ควรจะเช็คเมื่อรถวิ่งมาถึง 100,000 โล ว่ามีอะไรบ้าง

เช็ครถ

ไฟรถ

ถือเป็นสิ่งสำคัญ ถ้าเป็นไฟ LED ต้องเปลี่ยนทั้งชุด แต่หากเป็นไฟหลอด ก็เพียงเปลี่ยนตัวที่ไม่ส่องสว่างเท่านั้น โดย     ไฟรถไม่ส่องสว่างเท่าที่ควรจะเป็นก็จะส่งผลต่อการเดินทาง รวมถึงอาจจะก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้

ยางรถ

อายุของยางโดยคร่าวๆอยู่ที่ประมาณ 50,000 กิโลเมตร โดยหากใช้งานอย่างถนอมไม่ใช้ความเร็วสูง ไม่เบรคบ่อยๆ หน้ายางสึกน้อยก็สามารถใช้งานได้ถึง 70,000-100,000 กิโลเมตรเลยทีเดียว หากปล่อยไว้นานดอกยางจะรีดน้ำได้น้อย เวลาวิ่งกลางฝน อาจทำให้รถเสียหลักได้

แบตเตอรี่

อายุของแบตโดยทั่วไปคือ 2 ปี หรืออาจน้อยกว่านั้นขึ้นอยู่กับการใช้งาน โดยหากใครขับรถตอนกลางคืนบ่อยๆ ก็มีผลให้อายุของแบตน้อยลงไปด้วย เพราะการเปิดไฟหน้ารถอยู่บ่อยๆ ดังนั้นควรเช็คสภาพแบตเตอรี่เมื่อถึงระยะทาง 100,000 กิโลเมตร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องเดินทางไกลๆ

เช็ครถ

สีตัวถัง

หากใช้รถอย่างถนอนเรื่องการขัดสีตัวถังแทบไม่จำเป็นเลย แต่หากรถของใครเคยชนหนักมา อาจทำให้มีปัญหาของเรื่องสนิมได้ ดังนั้น หากมีเวลาว่างก็ควรนำรถไปขัดสีสักครั้ง เพื่อความเงางามของสีรถจะได้อยู่ไปนานๆ

ระบบเบรก

ให้สังเกตุจากเสียงเวลาเหยียบเบรกว่ามีเสียงดังเอี๊ยดไหม ถ้าหากพบเสียงดังกล่าวอาจเป็นปัญหาที่ผ้าเบรกให้ทำการเปลี่ยนทันทีดีกว่าต้องมาเปลี่ยนจานเบรกซึ่งราคาแพงกว่ามาก อย่าปล่อยให้ปัญหานี้รุกลาม เพราะว่าเป็นเรื่องของความปลอดภัยของท่าน

ไส้กรองแอร์

เพื่อสุขภาพของทุกคนในรถควรที่จะเปลี่ยนไส้กรองแอร์ทุกๆ ระยะ 20,000 กิโลเมตร

เช็ครถ

ไส้กรองอากาศ

ควรเปลี่ยนทุกๆระยะทาง 30,000 กิโลเมตร เพื่อการเผาไหม้ของห้องเครื่อง หากปล่อยทิ้งไว้อาจทำให้เครื่องยนต์ทำงานไม่เต็มที่ จนอาจส่งผลให้เครื่องยนต์มีปัญหาตามมาได้

ไส้กรองน้ำมันเชื้อเพลิง

สิ่งนี้มีส่วนในการดักจับสิ่งสกปรกที่ปนมากับน้ำมัน ควรจะเปลี่ยนทุกๆ ระยะทาง 40,000 กิโลเมตร

หัวเทียน

หากทำการเร่งเครื่องแล้วพบว่าเครื่องสะดุด เดินไม่เรียบ อาจจะเป็นที่หัวเทียนได้ ดังนั้น ควรเปลี่ยนทุกๆระยะทาง 40,000 กิโลเมตร

เช็ครถ

ลิ้นปีกผีเสื้อ

สิ่งนี้มีหน้าที่ในการควบคุมอากาศภายนอกให้เข้าไปในห้องเครื่อง ควรที่จะเช็คทุกๆ ระยะทาง 100,000 กิโลเมตร เนื่องจากสิ่งสกปรกที่อุดตันทำให้ เครื่องเร่งไม่นิ่ง สูงบ้างต่ำบ้าง

น้ำมันเครื่อง

โดยทั่วไปต้องเปลี่ยนน้ำมันเครื่องทุกๆ 10,000 กิโลเมตร โดยอาจเช็คจากสีน้ำมันเครื่องว่าเป็นสีคล้ำดำหรือยัง หากถึงระยะแล้ว ก็ควรที่จะเปลี่ยนถ่ายสักครั้งนึง โดยหากรถหมดประกันแล้วก็อาจหาอู่นอกที่ไว้ใจได้ เป็นการลดค่าใช้จ่ายไปได้พอสมควร

สายพาน

สายพานต่างๆ มีอายุการใช้งานอยู่ที่ประมาณ 100,000 กิโลเมตร หากขับมาเกินระยะที่กำหนดแล้วก็ควรที่จะเช็คความสายพานยังตึงดีอยู่หรือไม่ หากพบว่ามีปัญหาให้รีบเปลี่ยนทันที

เช็ครถ

ยางแท่นเครื่อง

หากขับรถไปแล้วรู้สึกว่าเครื่องสั่นๆ มีเสียงรบกวนเข้ามามากกว่าปกติ ให้สงสัยไว้ก่อนว่าเป็นที่ยาางแท่นเครื่องหรือไม่ หากตรวจเช็คพบว่าเป็นให้ทำการเปลี่ยนทันที

ยางขอบประตู

หากใช้งานรถนานๆ แล้วพบว่ามีเสียงรบกวนจากภายนอกเข้ามากกว่าปกติ แนะนำให้เปลี่ยนยางขอบประตู ทั้งนี้อายุการใช้งานขึ้นอยู่กับการดูแลรักษารถด้วย

ที่กล่าวมานี้ก็เป็นเพียงแค่การเช็คเบื้องต้นเท่านั้น หากจะให้ดีก็ควรจะนำเข้าไปเช็คที่ศูนย์เพื่อความสบายใจ และ อายุการใช้งานรถที่ยาวนานยิ่งขึ้น